โควิดฝรั่งเศส พบผู้ป่วยใหม่ทะลุแสนราย ครั้งแรกนับตั้งแต่โควิดระบาด

โควิดฝรั่งเศส พบผู้ป่วยใหม่ทะลุแสนราย ครั้งแรกนับตั้งแต่โควิดระบาด

สถานการณ์ โควิดฝรั่งเศส กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังพบผู้ป่วยใหม่ทะลุแสนราย เผยพบผู้ป่วยโอมิครอนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม สำนักข่าว ABC รายงานว่า ประเทศฝรั่งเศสพบผู้ป่วยโควิดใหม่มากกว่าแสนรายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดขึ้นในประเทศ พร้อมระบุว่า จำนวนผู้ป่วยโควิดที่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทวีตัวขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

โดยทางเจ้าหน้าที่แพทย์ท้องถิ่นเปิดเผยว่า 

ผู้ป่วยโควิดใหม่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งรัฐบาลเชื่อว่า โควิดสายพันธุ์ดังกล่าวจะกลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลักในประเทศฝรั่งเศสในไม่ช้า ซึ่งนอกจากโควิดโอมิครอนแล้วประเทศฝรั่งเศสก็พบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์เดลต้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน

ด้านนาย เอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เตรียมเรียกประชุมฉุกเฉินในวันจันทร์นี้ เพื่อหามาตรการในการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด โดยผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์แนะนำให้เลื่อนวันเปิดภาคเรียนออกไปก่อน หรือ กลับมาใช้มาตรการเคอร์ฟิวอีกครั้ง ขณะนี้ประเทศฝรั่งเศสมียอดผู้ป่วยสะสมโควิดมากกว่า 9.1 ล้านราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้ว 120,000 ราย

เมื่อถามต่อว่า หากมีโอกาสตั้งฉายาให้ตัวเองกับการทำงานที่ผ่านมา นายอนุทิน กล่าวว่า “อย่าเลย คิดไม่ออก ทำงานทุกวันดีกว่า”

ก่อนหน้าที่นักข่าวประจำทำเนียบให้ฉายานายอนุทินว่าว้ากซีน โดยให้เหตุผลว่า เป็นการล้อมาจากคำว่า “วัคซีน” ภาพที่ผู้คนชกต่อยยื้อแย่งวัคซีน บุคลากรทางการแพทย์ ดาหน้าออกมาเรียกร้องวัคซีนชนิด mRNA ผู้คนว้าก โวย เหวี่ยง ตำหนิการจัดหาและให้บริการวัคซีน ที่ถูกเลื่อนไม่มีกำหนด

เพราะวัคซีนไม่มาตามนัด ไม่ว่านายอนุทิน จะชี้แจงอย่างไร กระแสตอบรับ โดยเฉพาะใน Social Media ไม่มีคำว่ารักษาน้ำใจ หรือ เห็นถึงความพยายามในการแก้ปัญหาภาวะวิกฤต จนนายอนุทิน ต้องออกโต้ตอบอย่างดุเดือด ผ่านสื่อและโซเชียลทุกครั้งที่มีโอกาส

นักข่าวมอบ ฉายารัฐบาล 64 ‘ยื้อยุทธ์’ แย่งอำนาจไม่สน ปชช.

นักข่าวทำเนียบ ตั้ง ฉายารัฐบาล 64 ว่า ‘ยื้อยุทธ์’ แสดงถึงการแย่งอำนาจ โดยไม่สนใจประชาชน ขณะที่ ประยุทธ์ ได้ฉายา ชำรุดยุทธ์โทรม

ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบ ได้ร่วมการตั้งฉายาของรัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2564 โดยเป็นธรรมเนียบที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา และเป็นการสะท้อน ความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ ได้มีมติตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และ วาทะแห่งปี ประจำปี 2564 ร่วมกันดังนี้

ภาพของรัฐบาล ที่ยื้อแย่งกันเองทั้งในส่วนของอำนาจ และ ตำแหน่ง โดยไม่สนใจประชาชน และ การเดินหน้าประเทศ ถูกมองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม และ มองการดำรงอยู่ของพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อยื้อให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไป ไม่ว่าจะมีการชุมนุมขับไล่ไสส่งอย่างไร ใครไม่อยู่ แต่พล.อ.ประยุทธ์อยู่

การบริหารราชการแผ่นดินตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ถือได้ว่า เป็นผู้ที่รับบทหนักที่สุดแห่งปี ถูกมองว่าล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโควิด-19 การกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริหารราชการ หรือแม้แต่เรื่องทางการเมือง ถูกโจมตีรอบด้าน แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยังอยู่ในตำแหน่งได้ แต่ก็ทรุดโทรม เสื่อมสภาพไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ

ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พี่ใหญ่ในตระกูล 3 ป.อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประสบกับเรื่องช้ำๆ เจ็บซ้ำๆ มาโดยตลอด หลายสถานการณ์ต้องตกเป็นรอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องการเมือง โดยเฉพาะปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่เกิดความแตกแยกอย่างหนัก สะเทือนถึงพี่น้องอีก 2 ป สั่นคลอน ” 3ป Forever ” ซ้ายก็น้องรัก ขวาก็ลูกน้องที่รัก หักใจเลือกใครไม่ได้ สุดท้ายต้องยอมแบกความเจ็บช้ำไว้คนเดียว

ล้อมาจากคำว่า “วัคซีน” ภาพที่ผู้คนชกต่อยยื้อแย่งวัคซีน บุคลากรทางการแพทย์ ดาหน้าออกมาเรียกร้องวัคซีนชนิด mRNA ผู้คนว้าก โวย เหวี่ยง ตำหนิการจัดหาและให้บริการวัคซีน ที่ถูกเลื่อนไม่มีกำหนด เพราะวัคซีนไม่มาตามนัด ไม่ว่านายอนุทิน จะชี้แจงอย่างไร กระแสตอบรับ โดยเฉพาะใน Social Media ไม่มีคำว่ารักษาน้ำใจ หรือ เห็นถึงความพยายามในการแก้ปัญหาภาวะวิกฤต จนนายอนุทิน ต้องออกโต้ตอบอย่างดุเดือด ผ่านสื่อและโซเชียลทุกครั้งที่มีโอกาส

แม้ปีนี้ยังไม่เข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง แต่หัวหน้าพรรคการเมืองหลายพรรค แสดงความพร้อมประกาศตัวเป็นนายกรัฐมนตรี หนึ่งในนั้น คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีผลสำรวจความคิดเห็น หรือ โพล บางสำนักเท่านั้น ที่ต้องการให้นายจุรินทร์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เปรียบได้กับการเป็นนายกรัฐมนตรีแค่บางโพล ไม่ใช่ทุกโพล

ตลอดการดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ยังแสดงฝีมือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ไม่เด่นชัด เช่น ปัญหาราคาน้ำมันแพง จนสมาคมรถบรรทุกออกมาประท้วงและหยุดวิ่ง ประชาชนกลายเป็นประชาจน เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แม้จะผุดโปรเจ็คต่างๆ ก็ถูกมองเป็นนโยบายขายฝัน ด้วยเอกลักษณ์ เดินถือแก้วกาแฟชิลๆ มอบนโยบายเหมือนบรรยายธรรม โดยเฉพาะนโยบาย 4D ท่องจนเป็นคาถาติดปาก จึงได้รับฉายานี้ไป

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป